บทความเกี่ยวกับโรค
และ อาหารเสริมต่างๆ
น้ำมันปลาคือ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัด ได้จากปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาว
ซึ่งน้ำมันปลามีกรดไขมันหลายชนิด ที่ร่างกายของคนเราต้องการ โดย
เฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า
3 คือ กรดไขมันอีพีเอ (กรดไอโคซา เพนตาอิโนอิก)
และกรดไขมันดีเอชเอ (กรดโดโคซาเฮซาอิโนอิก)
ความสำคัญของน้ำมันปลา
เนื่องจากมีการค้นพบว่า ชาวเอสกิโมในกรีนแลนด์มีอัตราตายจากโรคหัวใจขาดเลือดต่ำ
เพราะได้รับประทานปลาจากทะเลเป็นส่วนใหญ่ จากการค้นพบเช่นนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์
หันมาสนใจถึงความสัมพันธ์ของน้ำมันที่มาจากปลา (fish oil) กับโรคหัวใจขาดเลือดกันมากขึ้น
รวมไปถึงการนำน้ำมันปลาไปใช้รักษาโรคต่างๆ อีกด้วย เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและโรคต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ นอกจากนั้นยังพบว่ากรดไขมันดังกล่าวมีความสำคัญต่อการพัฒนาของสายตา
สมอง ความจำ และการเรียนรู้อีกด้วย
ร่างกายได้รับกรดไขมันอีพีเอและดีเอชเอจากที่ใด
ปลาทะเล โดยเฉพาะปลาในเขตหนาว เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
ปลาเฮอร์ริ่ง และปลาแมคเคอเรล เป็นต้น โดยพบว่าการรับประทานปลาทะเล
200-300 กรัมต่อวัน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถเพิ่มกรดไขมันโอมก้า
3 ในอาหารได้โดยเฉลี่ย 0.2-0.5 กรัมต่อวัน แต่ขั้นตอนในการปรุงอาหาร
จะต้องถูกวิธี ไม่ทำให้เกิดการสลายตัวของกรดไขมันโอเมก้า 3
น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร
ป้องกันการอุดตันในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้เลือดไม่เกาะตัวกันเป็นลิ่มเลือด
จึงไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานดีขึ้น
ลดระดับไขมันในเลือด
ลดการอักเสบ ปวดบวม ในโรคปวดข้อรูมาตอยด์ และยังสามารถช่วยลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดข้อ
ช่วยลดความดันโลหิต
ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังในโรคผิวหนังเรื้อนกวาง หรือสะเก็ดเงิน
(Psoriasis)
ช่วยลดอาการเย็นของมือและเท้าในผู้ป่วยโรคเรย์นอด
มีประโยชน์กับสตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตรและเด็ก เพราะกรดไขมันดีเอชเอที่แม่รับประทาน
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของสมองและตา จึงมีส่วนช่วยในการพัฒนาของสายตา
สมอง ความจำ และการเรียนรู้ของเด็ก
ดร.นพ.ประสงค์ เทียนบุญ
หน่วยโภชนศาสตร์และหน่วยวิจัยโภชนาการ
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(update วันที่ 29 กันยายน 2543)
--------------------------------------------------------------------------------
[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 24 ฉบับที่
7 กรกฎาคม 2543]
|