บทความเกี่ยวกับโรค
และ อาหารเสริมต่างๆ
| อาหารเสริม 1 | อาหารเสริม
2 | อาหารเสริม 3 |
จากสุขภาพดีไม่มีขาย โดย
นพ.ชโลธร โลเจริญกุล

ทำไมการกินวิตามิน สมุนไพรและอาหารเสริม
จึงแพร่หลายในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ทั้งที่วงการแพทย์เจริญมากขึ้น
การคิดค้นยาและกาผ่าตัดก็ก้าวหน้ามีการผ่าตัดทำศัลยกรรม ต่อเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
หรือเปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนอวัยวะ เช่น ไต ตับ ได้สำเร็จ ทำให้ชีวิตคนยืนยาวขึ้น
ขณะที่วิทยาการทางการแพทย์เจริญมากขึ้น มีการผลิตเครื่องมือเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคได้อย่างซับซ้อน
เช่น การตรวจเลือด การตรวจสอบอวัยวะภายในโดยใช้เครื่องมือส่องเข้าไปดู
มีการตรวจโดยการใช้เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยคลื่นเสียงและสนามแม่เหล็ก
แต่ผลกลับกลายเป็นว่า โรคที่ตรวจพบหลายชนิดนั้น ไม่สามารถรักษาให้หายได้
คนจึงเสาะแสวงหาทางเลือกอื่นคือ วิตามิน สมุนไพร และอาหารเสริม
ในสมัยก่อน คนส่วนใหญ่มีอายุสั้น สาเหตุสำคัญจากการระบาดของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย
ในปัจจุบันว่า การกำจัดและป้องกันเชื้อโรคที่จะเข้ามาทำอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ถูกกำจัดได้เป็นส่วนใหญ่
เป็นผลมาจากการมีวัคซีนป้องกัน การค้นพบยาฆ่าเชื้อและยาปฏิชีวนะช่วยกำจัดเชื้อโรค
ทำให้คนมีอายุยืนยาวมากขึ้น การมีชีวิตยืนยาว ทำให้พบโรคอันเกิดจากสภาวะเสื่อมของร่างกาย
เช่น โรคปวดข้อ โรคข้อเสื่อม
ความเจริญทางวิชาการแพทย์ ทำให้พบโรคใหม่ ๆ อีกหลายชนิด แต่เป็นโรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้
ต้องกินยาระงับอาการอยู่ตลอดเวลา เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
โรครูมาตอยด์ โรคไตวาย รวมทั้งโรคร้ายแรง คือ มะเร็ง ยาเหล่านี้นอกจากรักษาโรคให้หายขาดไม่ได้แล้วยังมีผลข้างเคียงของยา
ผู้ป่วยที่หมดที่พึ่งจากการรักษาด้วยยา หรือการผ่าตัดเริ่มมองหาการรักษาแบบอื่นทดแทน
เริ่มกลับไปค้นจากภูมิเดิมของคนโบราณ ที่มีชีวิตอยู่โดยการกินพืชสมุนไพร
ได้นำเอาสมุนไพรมาค้นคว้าวิจัย นำมาผลิตเป็นอาหารเสริมและเป็นยาเพื่อการรักษา
แทนการใช้ยาปัจจุบัน ที่ช่วยได้เพียงการบรรเทาอาการเจ็บปวด
ในศตวรรษใหม่ การรักษาของแพทย์กำลังจะเปลี่ยน ด้วยการเน้นเข้าไปพิสูจน์การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในของเซลล์
การเกิดโรคที่ไม่ใช่จากการติดเชื้อ เริ่มจากภายในเซลล์ขาดสารอาหาร
หรือวิตามิน หรือมีการสะสมของสารพิษในเซลล์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในเซลล์เอง
หรือรับมาจากภายนอก เป็นต้นเหตุทำให้ขบวนการเผาผลาญ ( Metaboliam
เมตตะบอลิซึ่ม) หรือสร้างพลังงานภายในเซลล์ไม่สมบูรณ์ เกิดการทำงานผิดปกติขึ้นภายในเซลล์
นอกจากทำอันตรายต่อตัวเซลล์เองแล้วยังอาจปล่อยออกมาภายนอก ทำให้เซลล์อื่นทำงานผิดปกติร่วมด้วยทำให้เกิดอาการโรค
แพทย์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก เริ่มคิดค้นถึงการทำงานของร่างกายลึกเข้าไปถึงการทำงานภายในเซลล์ต่าง
ๆ เริ่มคิดถึงการกินอาหารไม่เพียงพอ คิดถึงผลของสารพิษที่มีต่อเซลล์ในร่างกาย
ทำให้การทำงานภายในเซลล์บกพร่อง นอกจากนี้ความต้องการสารอาหารในเซลล์ของแต่ละคนในแต่ละวันก็ไม่เท่ากัน
เพราะขึ้นอยู่กับความเครียด การใช้กำลังงาน และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน
เช่น ร้อนจัด เย็นจัด แสงแดด และการโดนรังสีต่าง ๆ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจึงควรจะแก้ที่การทำงานของเซลล์
สัตว์ชั้นสูง เช่น คน ลิง ข้าง ม้า วัว ควาย จะมีอวัยวะและการทำงานของเซลล์เป็นแบบที่มีระบบการติดต่อประสานพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
การขาดสมดุลของอวัยวะหนึ่ง จะมีผลทำให้สภาพการทำงานผิดปกติในอวัยวะอื่น
ๆ ด้วย อาการผิดปกติมากน้อย ขึ้นอยู่กับความสำคัญของอวัยวะและการตอบสนองของอวัยวะนั้น
ๆ จะช่วยแก้ไขไปได้มากน้อยแค่ใด ถ้าการแก้ไขนั้นอยู่ในระดับที่พอจะมีสมดุลได้
อาการของโรคก็ไม่แสดงให้เห็นชัดเจน เมื่อเซลล์มีการเสื่อมสภาพการทำงานมากจนอวัยวะของร่างกายไม่สามารถรักษาสมดุลย์ต่อไปได้
ทำให้เกิดความบกพร่องล้มเหลวในการทำงานของอวัยวะนั้น อาการของโรคก็จะปรากฏเด่นชัด
เช่นอาการของโรคภูมิแพ้ โรคข้อเสื่อม โรคความดัน โรคเบาหวาน ที่มีการต้านทานต่ออินซูลิน
ฯลฯ
แพทย์แผนปัจจุบันจำนวนไม่น้อย หันมารักษาคนไข้ โดยเปลี่ยนลักษณะการกินอาหาร
แนะนำการกินอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ให้กินอาหารเสริมและวิตามิน
เพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคบางชนิด โดยมีจุดประสงค์จะช่วยให้เซลล์ที่เปลี่ยนสภาพการทำงาน
เนื่องจากการขาดสารอาหาร มีการซ่อมตนเองโดยวิธีธรรมชาติ ทำให้เซลล์ปรับเปลี่ยนสภาพกลับมาทำงานเหมือนปกติ
เกิดผลทำให้อาการของโรคหายไป เป็นการรักษาแบบรักษาสมดุลในเซลล์ (Orthomolecular
Medicine)
แพทย์ทางเลือกบางคนรักษาโดยการกำจัดสารพิษจากร่างกาย (Detoxi fication)
โดยการให้กินสมุนไพรบางชนิด หรือดื่มน้ำผลไม้ผสมอย่างเจอจาง เพื่อจุดประสงค์ช่วยขับสารพิษออกจากเซลล์
บางคนรักษาโดยการอดอาหาร (Fasting) กินแต่น้ำ 3 วัน 7 วัน เพื่อช่วยให้
ร่างกายขับสารพิษออกมาเอง บางคนใช้การรักษาโดยการสวนล้างลำไส้ เพื่อล้างสารพิษในลำไส้และในตับ
ประกอบกับแนะนำการกินอาหารบำรุงและอาหารเสริมทำจากสมุนไพร แนะนำการกินอาหารบำรุงและอาหารเสริมทำจากสมุนไพร
แนะนำการกินอาหารธรรมชาติที่มีสารอาหารมีใยอาหารและวิตามินอย่างเพียงพอ
ผลปรากฏว่า โรคและอาการโรคบางชนิดหายขาดได้ โดยที่ก่อนหน้านี้กินยาแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถช่วยรักษาอาการของโรคเหล่านี้ได้
ผู้ที่ได้รับการรักษาโดยการกินวิตามิน อาหารเสริม และการรักษาโดยการขับสารพิษ
หายจากอาการโรคก็เขียนหนังสือลงบทความต่าง ๆ มีผู้อ่านพบและปฏิบัติตามได้ผล
จึงมีผู้นิยมกินอาหารเสริมและวิตามินมากขึ้น
มีการบอกเล่าและอ้างถึงอาหารเสริมในทางที่ไม่ถูกต้อง
อาหารเสริมและอาหารที่ทำจากสมุนไพรหลายชนิดได้มีการอ้างอิงว่ารักษาโรคนั้นโรคนี้ได้
อาจจะมีผลจริงในบางคน เพราะว่าในอาหารเสริมและสมุนไพรนั้น มีวิตามิน
อาหาร หรือเอ็นไซม์แร่ธาตุบางอย่างพอเหมาะกับคนที่ขาดวิตามิน หรือสารอาหารจนเกิดอาการโรค
จากการทำงานของเซลล์บกพร่อง เมื่อกินอาหารเสริมชนิดนี้ อาการของโรคก็ดีขึ้น
แต่คนที่อาการของโรคเหมือนกันอาจมีต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ต่างกัน
ดังนั้นบางคนกินอาหารเสริมชนิดเดียวกัน แต่อาการไม่ดีขึ้นหรือไม่หาย
คำถามที่มีผู้ถามบ่อย
ควรกินวิตามินและอาหารเสริมหรือไม่ ? โภชนาการบางคนไม่เห็นด้วย ท่านว่ากินอาหารครบ
5 หมู่ ก็พอเพียงไม่ต้องกินวิตามิน อาหารเสริม
ท่านลองพิจารณาคำถามในหัวข้อต่อไปนี้แล้ว ให้ท่านหาคำตอบได้ด้วยตนเอง
- ท่านไม่ต้องทำงานหรือทำงานและมีคนทำอาหารให้กินตามสั่งทุกวัน
- ท่านเลือกกินอาหารได้ในร้านอาหารทุกมื้อและกินตรงเวลาทุกวัน
- ท่านไม่ได้กินอาหารห่อถุงพลาสติกและขึ้นรถเมล์
- ท่านอยู่ในที่มีอากาศดีไม่มีมลภาวะ
- ท่านเป็นคนไม่มีโรคประจำตัว
- ท่านไม่ได้กินยาประจำ เช่น ยาคุมกำเนิด ฯลฯ
- ท่านมีอายุคงที่ ไม่แก่ (หมายเหตุ หลังจากอายุ 35 ปี ระบบย่อยอาหาร
และระบบลมหายใจเสื่อมปีละ 1% )
ถ้าท่านไม่ใช่คนในอุดมคติอย่างข้างบนนี้ แต่เป็นคนธรรมดา ท่านมีโอกาสขาดวิตามิน
ขาดวิตามินทำให้เกิดโรคได้อย่างไร
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีตรวจทราบการขาดวิตามินในเซลล์จำนวนน้อยได้ อาจจะตรวจได้จากเส้นผมในระดับหนึ่ว่าขาดเมื่อร่างกายขาดมากและมีการแสดงออกเด่นชัด
สามารถตรวจการขาดวิตามินได้จากเลือด
วิตามินเป็นสารอินทรีย์เคมี (Organic) ที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต
วิตามิน (ต้องประกอบไปด้วยธาตุคาร์บอน) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของขบวนการทางเคมี
ทั้งในเชิงให้เกิดพลังงาน (เผาผลาญ) และสร้างพลังงานของร่างกาย ร่างกายไม่สามารถสร้างสารวิตามิน
หรืออินทรีย์เคมี (Organic) เหล่านี้ได้เอง (ยกเว้นวิตามินบางตัวที่พอสร้างได้บางส่วน)
จะได้จากอาหารที่กินเข้าไป วิตามินเป็นสารเคมีจำนวนน้อยที่ร่างกายเราต้องการเพื่อทำให้มีการเจริญเติบโตมีสุขภาพดี
และมีการทำงานของขบวนการทางเคมีของร่างกายได้ถูกต้อง วิตามินก็เช่นเดียวกับน้ำมันรถ
ซึ่งต้องมีการหมดเปลืองไปตามระยะเวลาที่ใช้ เราจึงต้องได้วิตามินจำนวนหนึ่งประจำวันทุกวันที่จะนำไปใช้ในขบวนการเผาพลาญ
(Metabolism) ของร่างกายการได้รับวิตามินนี้โดยอาหารที่เรากินเข้าไปประจำวันหรือจากการกินอาหารเสริมหรือวิตามินในรูปของเม็ด
หรือเป็นผงละลายน้ำ
คนมักไม่กล้ากินวิตามินเพราะกลัวเกินและสะสมมีพิษ แท้จริงวิตามินที่กินแล้วสะสมคือวิตามินที่ละลายในไขมัน
มี วิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินอี
วิตามินอื่น คือ วิตามินบี เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ และไม่สะสม ร่างกายขับออกได้หมดแม้กินปริมาณมากกว่าที่แนะนำ
คนสูงอายุและคนที่กินยารักษาโรคเป็นประจำมีโอกาสขาดวิตามินได้มากกว่าคนปกติ
ผู้ป่วยหรือระยะพักฟื้นต้องการอาหารและวิตามินเพิ่มขึ้น
คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ มีโอกาสขาดวิตามิน
การกินวิตามินให้พอเหมาะในคนเลยวัยกลางคน (อายุ 35) จะป้องกันการขาดวิตามิน
จะช่วยให้การเกิดโรคช้าลงและอายุยืนยาวขึ้น ที่แนะนำอย่างน้อยควรกินวิตามินรวม
+ เกลือแร่ และวิตามินซี อย่างน้อย 1000 มก. ต่อวัน
การกินวิตามินให้พอเหมาะควรได้รับการแนะนำจากแพทย์
ขอให้อายุยืนเท่าอายุไขมนุษย์คือ 100 ปีขึ้นไป
สวัสดี..
|